คอลัมน์

ศาลเจ้าของโชกุนและปลาไหล

ในอดีตคนญี่ปุ่นจะมองว่าภูเขาไฟฟูจิเป็นเพศหญิง และจินตนาการว่าเป็นเทพธิดาที่งดงามชื่อ โคะฮานะโนะซาคุยะบิเมะ โดยบิดาของเทพธิดาแห่งภูเขาไฟฟูจิได้ประดิษฐานอยู่ในศาลเจ้ามิชิมะไทฉะ แต่ที่ศาลเจ้าแห่งนี้กลายมาเป็นศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดในประเทศญี่ปุ่นก็มีเหตุผลอื่นอยู่อีก มีผู้ที่ถูกเนรเทศชื่อว่า มินาโมโตะโนะโยริโทโมะ อาศัยอยู่ไม่ไกลนัก ตามตำนานเล่าว่า ชายผู้นี้ได้เดินทางไปกลับศาลเจ้ามิชิมะไทฉะ 18 กิโลเมตรติดต่อกัน 100 วันเพื่อขอให้ชนะสงครามแล้วจึงก่อปฏิวัติขึ้น และการปฏิวัติครั้งนั้นก็ประสบความสำเร็จ โยริโทโมะจึงได้กลายมาเป็น "โชกุน" ผู้คุมซามูไรทั้งประเทศและจัดตั้งรัฐบาลทหารอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น โยริโทโมะดีใจมากและมอบที่ดินให้แก่ศาลเจ้าแห่งนี้ พร้อมกำหนดวันอนุสรณ์การปฏิวัติให้เป็นวันจัดเทศกาลประจำปีของศาลเจ้าด้วย จากนั้นเหล่าโชกุนทุกรุ่นจนถึงยุคเอโดะก็ได้ให้ความเคารพต่อศาลเจ้าแห่งนี้ ศาลเจ้ามิชิมะไทฉะกลายเป็นเทพผู้คุ้มครองที่ยืนยันความถูกต้องของรัฐบาลทหารตั้งแต่รุ่นของโยริโทโมะเป็นต้นมา แต่ไม่ได้คุ้มครองเฉพาะเทพเจ้าเท่านั้น ปลาไหลที่อาศัยอยู่ในบ่อน้ำในศาลเจ้าก็ได้รับการคุ้มครองในฐานะผู้รับใช้เทพเจ้าด้วย แต่ปลาไหลมีรสอร่อยและคนญี่ปุ่นนิยมจับปลาไหลมาย่างรับประทานกัน ยกเว้นปลาไหลในบ่อน้ำของศาลเจ้ามิชิมะไทฉะที่จะไม่รับประทานเพราะเชื่อว่า "เทพเจ้าจะลงโทษ" จนมาในปี 1619 ผู้ติดตามของ ฮิเดะทาดะ โชกุนรุ่นที่ 2 ของตระกูลโทคุกาวะ ได้กล่าวว่า "ผู้ติดตามของโชกุนไม่โดนเทพเจ้าลงโทษ" และจับปลาไหลในบ่อน้ำของศาลเจ้ามารับประทาน ทำให้พวกฮิเดะทาดะเดือดร้อน และได้ลงโทษประหารบุคคลดังกล่าวพร้อมกล่าวว่า "การใช้ชีวิตมนุษย์มาทดแทนชีวิตปลาเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่จะเปลี่ยนกฎประเทศไม่ได้" (จาก "เมเรียวฟุตะบะกุสะ") ทำให้ไม่มีใครจับปลาไหลจากบ่อน้ำนั้นอีก ปลาไหลในศาลเจ้ามิชิมะไทฉะสนิทกับผู้คนมากจนถึงยุคเอโดะ ถึงขั้น "เพียงใช้มือตีน้ำ ทุกตัวก็ว่ายมา" (จาก "แผนภาพสถานที่มีชื่อเสียงในโทไคโด" ฉบับที่ 5) แต่ในปี 1868 ประเทศญี่ปุ่นเกิดการปฏิรูปเมจิ เกิดสงครามเพื่อล้มล้างอำนาจโชกุน และว่ากันว่ากองกำลังของรัฐบาลใหม่ได้จับเอาปลาไหลที่โชกุนปกปักษ์รักษามารับประทานโดยไม่ปราณี ปัจจุบัน อาหารจากปลาไหลกลายเป็นอาหารขึ้นชื่อของบริเวณมิชิมะ ต้องลองเอามือตีน้ำที่บ่อน้ำของศาลเจ้ามิชิมะไทฉะดู แล้วจะได้รู้ว่าช่วงเวลาแห่งความสุขระหว่างปลาไหลและคนได้สิ้นสุดลงแล้วหรือไม่

■ประวัติ มิจิฟุมิ อิโซดะ
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก อดีตเป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชิซูโอกะ ปัจจุบันเป็นรองศาสตราจารย์ ศูนย์วิจัยวัฒนธรรมญี่ปุ่นนานาชาติ (เมืองเกียวโต) ได้รับรางวันชินโจด็อกคิวเมนต์ปี 2003 จากหนังสือ “Abacus and Sword” ที่ติดเป็น Best Seller ด้วย นอกจากนี้ยังมีผลงานเขียนอีกจำนวนมาก เช่น “เท็นไซคารานิฮอนชิโอะโยมินาโอสุ (อ่านประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ)” “โทคุกาวะกะสึคุตตะเซ็นชินโคคุนิฮอน (ญี่ปุ่น ประเทศพัฒนาแล้วที่โทคุกาวะสร้างขึ้น)” ฯลฯ อาศัยอยู่ในเมืองเกียวโตและเป็นคุณพ่อลูกสอง